วันพฤหัสบดีที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ตอนที่ 9.ซุนเกี๋ยนเข้าร่วมศึก

ฝ่ายเมือง “ตองฮ่อ” ซึ่งเป็นเมืองในขอบขัณฑสีมาของราชวงศ์ฮั่น อยู่ทางใต้ของเมืองหลวง ใกล้กับแม่น้ำแยงซี ครั้นได้รับหมายตราจากเมืองหลวงให้ยกกำลังไปปราบโจรแล้ว ได้มอบหมายให้เจ้าเมืองเจียนต๋อง ซึ่งขึ้นกับเมืองตองฮ่อจัดกำลังทหารไปทำการตามหมายรับสั่ง 

เจ้าเมืองเจียนต๋องจึงสั่งให้ “ซุนเกี๋ยน” จัดตั้งกองกำลังอาสาสมัครไปร่วมสมทบกับกองทัพจากเมืองหลวงปราบโจรโพกผ้าเหลือง

อัน “ซุนเกี๋ยน” นั้น “กิริยาเหมือนเสือ หน้าผากใหญ่ หน้ายาว” เป็นคนแข็งแรงกล้าหาญ เมื่ออายุ 17 ปีไปเมืองเจียนต๋องกับบิดาพบโจรปล้นราษฎรเอาของมาแบ่งปันกัน“ซุนเกี๋ยน” ใช้ความกล้าหาญบุกเข้าไปไล่โจรโดยลำพัง ฆ่าโจรได้คนหนึ่ง อีก 9 คนหนีไปได้ กิตติศัพท์รู้ถึงเจ้าเมืองจึงให้เอาตัวเข้าไปรับราชการเป็นทหาร


ต่อมาเกิดกบฎขึ้นในเมืองเจียนต๋อง ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากความจลาจลในแผ่นดิน “หือฉง” ตั้งตัวขึ้นเป็นเจ้า “ซุนเกี๋ยน” ได้เกลี้ยกล่อมชาวเมืองให้เข้าร่วม และไปรบกับฝ่ายกบฎ ปราบกบฎได้สำเร็จ ผู้รักษาเมืองจึงมีหนังสือกราบบังคมทูลฯ รายงานความชอบของ “ซุนเกี๋ยน” ต่อพระเจ้าเลนเต้ แต่เรื่องเงียบหายไป ซึ่งอาจเกิดจากขันทีกักเก็บเรื่องไว้ เพราะช่วงนั้นมีความเป็นไปได้ว่า “ซุนเกี๋ยน” ยังไม่เข้าใจในระบบส่วยสินบนของสิบขันทีจึงไม่ได้ไปติดต่อขอเป็นพวก หรือมิฉะนั้นคุณธรรมในใจตนยังเข้มแข็ง จึงไม่ยอมตนเข้าสู่ระบบส่วยสินบนของขันทีก็เป็นได้  

เมื่อได้รับคำสั่งจากเจ้าเมืองเจียนต๋องแล้ว “ซุนเกี๋ยน” จึงจัดระดมพลอาสาสมัครจากชาวเมืองเจียนต๋อง และจากทหารของ “เมืองอ้วนเซีย” ที่แตกทัพ ได้คนประมาณ 1,500 จึงยกไปปราบโจร

เป็นอันว่า “เล่าปี่”, “โจโฉ” และ “ซุนเกี๋ยน” ได้เคลื่อนตัวเข้าสู่สมรภูมิปราบโจรโพกผ้าเหลืองจากทิศทางที่ต่างกัน แต่เคลื่อนพลเข้าสู่สมรภูมิด้วยเป้าหมายอย่างเดียวกันคือปราบโจรโพกผ้าเหลือง ซึ่งด้านหนึ่งก็คือการปราบปรามขบวนการกู้ชาติของประชาชนนั่นเอง

ทำให้น่าคิดว่าวีรชนทั้งสามนี้หากเกิดมีความคิดที่พ้องกันว่า  กองทัพของ   “เตียวก๊ก” เป็นกองกำลังติดอาวุธของประชาชน ที่มีเจตนารมย์เพื่อการกอบกู้ฟื้นฟูบ้านเมืองจากการก่อกรรมทำเข็ญของสิบขันที และเข้าร่วมกับขบวนการกู้ชาติ แล้วเคลื่อนทัพเข้ายึดเมืองหลวง จับกุมสิบขันทีประหารเสีย แล้วปรับปรุงอำนาจรัฐเสียใหม่ให้คนดีมีฝีมือได้มีโอกาสบริหารบ้านเมืองดังนี้แล้ว โฉมหน้าของสามก๊กก็จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง แผ่นดินก็จะสงบสุข ราชวงศ์ฮั่นก็จะสถิตสถาพรต่อไป


แต่ภายใต้ระบบราชการและความศักดิ์สิทธิ์ของพระบรมราชโองการอันเป็นรูปแบบ แต่มีเนื้อหาอยู่ที่การกดขี่ข่มเหงรังแกราษฎร ทำหยาบช้าต่อบ้านเมืองจนเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้าโดยสิบขันที ปรากฏว่าวีรชนทั้งสามคือทั้งเล่าปี่, โจโฉ และซุนเกี๋ยนได้ยอมรับอำนาจที่เป็นธรรมโดยรูปแบบ แต่เป็นอธรรมโดยเนื้อหานั้น เคลื่อนกำลังเข้าสู่สมรภูมิเพื่อปราบปรามโจรโพกผ้าเหลือง ทั้งๆที่วันเวลาข้างหน้าต่างคนต่างก็ได้กระทำการที่ไม่ต่างอันใดกับการลุกขึ้นสู้ของประชาชนในครั้งนี้



ขอขอบคุณ 

บางช่วงบางตอนจาก สามก๊กฉบับคนขายชาติ
ภาพจากเกมส์ Romance of the kingdom 12    

4 ความคิดเห็น:

  1. ภาพมาช้าขอโทษนะครับ

    ตอบลบ
  2. ข้อผิดพลาดคงมีเยอะ (ลองทำในIPad)

    ตอบลบ
  3. ตอนท้าย ๆ อ่านแล้วยังไงก็ไม่เห็นด้วยกับโจรโพกผ้าครับ แม้ขุนนางกับขันทีจะผิด แต่โจรพวกนี้ก็ไม่ได้ต่อสู้แบบสันติอหิงสา ปากเรียกหาความเป็นธรรม แต่ตัวกลับปล้น...ฆ่า...เผา...ข่มขืน บ้านเมืองถูกซ้ำเติมให้โกลาหล วุ่นวาย
    เตียวก๊กเป็นคนมักใหญ่ใฝ่สูง เพียงแต่แสร้งเอาธงธรรมบังหน้าเท่านั้น
    เล่าปี่ โจโฉ และซุนเกี๋ยน เป็นยอดคน พวกเขาย่อมมองออกว่าควรเลือกทำในสิ่งใด

    ตอบลบ
  4. เเง่คิดนั้นมีหลากหลายครับ

    ตอบลบ