วันจันทร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2556

เตียวก๊ก


ช่วงอายุ : ???-184


เตียวก๊ก (อังกฤษZhang Jiao) เป็นชาวเมืองกิลกกุ๋น เป็นหมอยาแผนโบราณ ตั้งตนอยู่ในศีลธรรม มีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ชอบช่วยเหลือราษฎร จึงเป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้านในถิ่นนั้น มีน้องสองคน คนหนึ่งชื่อเตียวโป้ อีกคนชื่อเตียวเหลียง
            
อยู่มาวันหนึ่งเตียวก๊กไปหาตัวยาบนภูเขา “พบคนแก่คนหนึ่งผิวหน้านั้นเหมือนทารก จักษุนั้นเหลือง มือถือไม้เท้า คนนั้นพาเตียวก๊กเข้าไปในถ้ำ จึงให้หนังสือตำรา 3 ฉบับชื่อไทแผงเยาสุด แล้วว่าตำรานี้ท่านเอาไปช่วยทำนุบำรุงคนทั้งปวงให้อยู่เย็นเป็นสุข ถ้าตัวคิดร้ายมิซื่อตรงต่อแผ่นดิน ภัยอันตรายจักถึงตัว เตียวก๊กกราบไหว้แล้วจึงถามว่าท่านนี้ชื่อใด คนแก่นั้นจึงบอกว่าเราเป็นเทพยดา บอกแล้วก็เป็นลมหายไป” 

เตียวก๊กกลับมาบ้านก็ลงมือศึกษาเล่าเรียนตำราทั้ง 3 เล่ม ปรากฏว่าเป็นตำราเรียกลม เรียกฝนเล่มหนึ่ง, เป็นตำราผูกพยนต์ หรือตำราปลุกเสกสิ่งของให้เป็นคน หรือเป็นสัตว์เล่มหนึ่ง และตำรารักษาโรคอีกเล่มหนึ่ง  เตียวก๊กศึกษาตำราทั้งสามเล่มแล้วก็ได้ใช้วิชารักษาโรครักษาชาวบ้าน ซึ่งทั้งหมดเป็นคนยากไร้ ไม่มีเงินค่ารักษาพยาบาล ไม่สามารถไปหาหมอหลวงหรือแพทย์ตามร้านหมอต่าง ๆ ได้ ชาวบ้านจึงพากันมาให้เตียวก๊กรักษาไข้เจ็บโรคภัยต่าง ๆ จนเป็นที่นับถือศรัทธาของชาวบ้านทั้งเมืองกิลกกุ๋น 

ต่อมาห่าลงกินเมืองกิลกกุ๋น ชาวเมืองเกิดความไข้ล้มตายลงเป็นอันมาก ชาวเมืองกิลกกุ๋นจึงพากันไปหาเตียวก๊กให้ช่วยรักษาความไข้จากโรคห่า เตียวก๊กได้เขียนยันต์ตามตำราของเทพยดาแจกให้ชาวเมืองบำบัดความไข้ ความไข้นั้นก็หาย โรคห่าก็หมดสิ้นไป

ชาวเมืองจึงพากันมาฝากตัวเป็นศิษย์เตียวก๊กมากขึ้น ประกอบกับช่วงนั้นพวกขุนนาง ข้าราชการรีดนาทาเร้นราษฎรเพื่อเก็บส่วยส่งให้กับขันที และเพื่อความร่ำรวยของตนเอง จนบ้านเมืองอดอยากยากแค้น ทั้งข้าราชการ และพวกมาเฟียต่าง ๆ ได้ประพฤติตนเป็นโจรปล้นชิงวิ่งราวชาวบ้าน แพร่ขยายไปทุกตำบล ดังนั้นราษฎรจึงยิ่งหันเข้ามาพึ่งพาเตียวก๊กมากขึ้น 

บรรดาลูกศิษย์ของเตียวก๊กซึ่งได้รับการอบรมสั่งสอนให้ช่วยเหลือผู้อื่น จึงได้จัดตั้งกันขึ้นเป็นกลุ่มอาสาป้องกันตนเอง เป็นกองกำลังติดอาวุธของประชาชน ด้านหนึ่งป้องกันโจรผู้ร้ายที่มาเบียดเบียนปล้นชิงวิ่งราว อีกด้านหนึ่งเพื่อต่อสู้กับขุนนางและข้าราชการที่มากดขี่ข่มเหง ซึ่งสอดคล้องกับความเรียกร้องต้องการของราษฎร ดังนั้นชาวเมืองจึงได้เข้าร่วมขบวนการอาสาป้องกันตนเองมากขึ้นทุกวัน จนขบวนการอาสาป้องกันตนเองเติบใหญ่ และขยายตัวไปยังเมืองต่าง ๆ อีก 7 เมือง รวมเป็น 8 เมือง คือเมือง กิลกกุ๋น, เฉงจิ๋ว, อิวจิ๋ว, ชิวจิ๋ว,   เกงจิ๋ว, ยังจิ๋ว, กุนจิ๋ว และ อิจิ๋ว ชาวเมืองทั้ง 8 เมืองนี้นับถือศรัทธาเตียวก๊ก เขียนเอาชื่อเตียวก๊กไว้บูชาทุกบ้านเรือน

เมื่อขบวนการอาสาป้องกันตนเองเติบใหญ่เข้มแข็งขึ้นเช่นนี้ ก็มีความจำเป็นที่จะต้องจัดระบบการบริหารเพื่อควบคุมกองกำลังอาสาป้องกันตนเอง ดังนั้นเตียวก๊กจึงแต่งตั้งให้ศิษย์ที่ไว้ใจเป็นหัวหน้าขบวนการสาขาเรียกว่า “นายบ้าน” ถึง 30 ตำบล ตำบลใหญ่มีกำลังติดอาวุธประมาณหมื่นเศษ ตำบลเล็กมีกำลังติดอาวุธ 6-7 พันคน จัดตั้งกำลังแบบกองทหาร มีธงสำหรับรบศึกทุกตำบล 

เมื่อมีผู้คนมาเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก และจัดตั้งขบวนเป็นกองทัพฉะนี้แล้ว บรรดาลูกศิษย์ลูกหาของเตียวก๊กก็ยุยงส่งเสริมให้เตียวก๊กกอบกู้ฟื้นฟูชาติบ้านเมือง ให้ราษฎรได้ร่มเย็นเป็นสุข เตียวก๊กฟังแล้วยังไม่ตัดสินใจประการใด แต่ปรากฏการณ์ที่ได้พบเห็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันก็คือ การกดขี่ข่มเหงราษฎรของฝ่ายขุนนางและข้าราชการ และการเบียดเบียนปล้นชิงวิ่งราวที่ขยายตัวลุกลามไปอย่างกว้างขวางนั้น ทำให้ความคิดเตียวก๊กโน้มไปในทางที่เห็นว่า ข้อเสนอของลูกศิษย์เป็นข้อเสนอที่เข้าท่า 

นี่เป็นธรรมดาของอำนาจวาสนาที่เข้าครอบงำบุคคลใดแล้ว ก็จะทำให้บุคคลนั้นเป็นคนขี้ลืม คือลืมความหลัง ลืมเรื่องเก่า ลืมมิตรเก่า เตียวก๊กที่ถูกลูกยุและอำนาจวาสนาครอบงำแล้วเช่นนี้ จึงลืมคำของเทพยดาที่เคยเตือนไว้ตอนมอบตำรา 3 เล่มว่า “ถ้าตัวคิดร้ายมิซื่อตรงต่อแผ่นดิน ภัยอันตรายจะถึงตัว” 

แต่ก็น่าเห็นใจเตียวก๊ก เพราะในความคิดและความรับรู้ของเตียวก๊กนั้น ไม่ได้คิดเห็นว่าสิ่งที่ตัวทำเป็นเรื่องคิดร้ายมิซื่อตรงต่อแผ่นดิน เพราะเชื่อโดยสนิทใจว่าเป็นการตัดสินใจด้วยความเสียสละเพื่อกอบกู้ฟื้นฟูชาติ ช่วยเหลืออาณาประชาราษฎรให้ร่มเย็นเป็นสุข ขจัดทุกข์เข็ญให้แผ่นดิน 

เตียวก๊กได้ชุมนุมพลประกาศกู้ชาติ และให้กำลังใจปลุกระดมกำลังพลว่า “บัดนี้แผ่นดินจะสาบสูญฉิบหายแล้ว ผู้มีบุญจะมาเสวยสมบัติใหม่ คนทั้งปวงจงทำตามคำเทพยดาทำนายเถิด จะได้อยู่เย็นเป็นสุขพร้อมมูลกัน” 


เมื่อประกาศตัวขบวนการกอบกู้ชาติอย่างเป็นทางการแล้ว  เตียวก๊กก็สั่งให้จัดกองทัพกำลังพลห้าสิบหมื่น อาวุธยุทโธปกรณ์พร้อมสรรพ ตั้งตัวเองเป็นพระยาสวรรค์ เตียวโป้และเตียวเหลียงผู้น้องเป็นแม่พระยาแผ่นดิและพระยามนุษย์โดยลำดับ เพื่อปลดปล่อยประชาชนให้หลุดพ้นจากการกดขี่ข่มเหงรังแก และปล้นชิงวิ่งราวของขุนนางและข้าราชการ ให้เคลื่อนทัพเข้าโจมตีและยึดหัวเมืองทั้งแปด ซึ่งราษฎรนับถืออยู่แต่ก่อนแล้ว จากนั้นจึงเคลื่อนพลเข้าโจมตีหัวเมืองอื่นๆอีกหลายหัวเมือง ตัวเตียวก๊กเองนั้นคุมพลสิบห้าหมื่นเข้าโจมตีแล้วยึดเมืองจงก๋ง ซึ่งเป็นเมืองยุทธศาสตร์สำคัญในการบุกเข้ายึดเมืองหลวงต่อไป

การเคลื่อนทัพเข้าตีและยึดเมืองต่างๆของขบวนการกู้ชาติที่บัญชาการโดยเตียวก๊กครั้งนี้ เป็นไปโดยรวดเร็ว เนื่องจากหัวเมืองทั้งแปดมีราษฎรนิยมนับถือเตียวก๊กอยู่ก่อนแล้วถึงขนาดเขียนชื่อเตียวก๊กบูชาทุกบ้านเรือน ทั้งมีความเคียดแค้นชิงชังข้าราชการและขุนนาง ที่เอาแต่กดขี่ข่มเหงรังแกรีดนาทาเร้นราษฎร ดังนั้นชาวเมืองจึงพากันเข้าร่วมกับฝ่ายกู้ชาติ

โลติดเเม่ทัพใหญ่จากเมืองหลวงคุมพลห้าหมื่นยกไปล้อมเมืองจงก๋งซึ่งเตียวก๊กได้ยึดไว้ ถูกตีเมืองจนใกล้เเตก เเต่โลติดถูกให้ร้ายกลายเป็นนักโทษ ตั๋งโต๊ะจึงมาเเทนตำเเหน่งเเม่ทัพใหญ่

เตียวก๊กได้ตีตั๋งโต๋ะเเตกพ่ายขณะไล่ตามเจอทัพเล่าปี่จึงถอยกลับกลัวว่าจะเป็นกองซุ่ม ฝ่ายตั๋งโต๊ะเมื่อรอดตาย เพราะรบแพ้เตียวก๊กแล้ว ได้ทำศึกกับเตียวก๊กอีกหลายครั้ง รบทุกครั้งก็แพ้ทุกครั้ง เกิดความรักตัวกลัวตาย ไม่อยากรบพุ่งต่อไป จึงติดสินบนสิบขันที ให้พระเจ้าเลนเต้เรียกตัวกลับเมืองหลวง แล้วเลื่อนตำแหน่งเป็นเจ้าเมืองซีหลง 

เมื่อเรียกตั๋งโต๊ะกลับแล้ว พระเจ้าเลนเต้ก็มีพระบรมราชโองการให้เลื่อนตำแหน่งฮองฮูสงเป็นแม่ทัพใหญ่แทนโลติด และรับสั่งให้ยกไปรบเตียวก๊ก ณ เมือง จงก๋ง ฮองฮูสงตีทัพเตียวก๊กแตกและสังหารเตียวก๊กในสนามรบ



ขอขอบคุณ 

บางช่วงบางตอนจาก สามก๊กฉบับคนขายชาติ
http://www.paisalvision.com/2008-10-30-11-41-42/55--4-.html
http://www.paisalvision.com/2008-10-30-11-41-42/59--8-.html
ภาพจากเกมส์ Romance of the kingdom 12

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น