วันเสาร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2556

ตอนที่ 6.เล่าปี่ กวนอู เตียวหุย

เมื่อหัวเมืองต่าง ๆ ได้รับตราพระบรมราชโองการของพระเจ้าเลนเต้ที่ว่า ถ้าผู้ใดมีฝีมือกล้าหาญ ให้ช่วยกันจับโจรโพกผ้าเหลือง ได้แล้วจะปูนบำเหน็จให้เป็นขุนนาง” แล้ว หัวเมืองต่าง ๆ ก็ได้ออกประกาศรับสมัครผู้มีฝีมือกล้าหาญเข้าเป็นทหารเพื่อปราบโจรโพกผ้าเหลืองต่อไป

เมืองตุ้นก้วนเป็นเมืองหนึ่งที่ได้ออกประกาศรับสมัครผู้มีฝีมือกล้าหาญตามพระบรมราชโองการนั้น เมื่อประกาศรับอาสาสมัครติดตามที่สาธารณะทั่วไปแล้ว ชาวเมืองก็พากันไปห้อมล้อมมุงดูประกาศนั้นทั่วทุกแห่ง ในจำนวนนั้นมีชายผู้หนึ่ง “ลักษณะรูปใหญ่สมบูรณ์ สูงประมาณห้าศอกเศษ หูยานถึงบ่า มือยาวถึงเข่า หน้าขาวดังสีหยก สีปากแดงดังชาดแต้ม จักษุชำเลืองไปเห็นหู” ได้ยืนดูประกาศดังกล่าวด้วย ดูไปแล้วก็ถอนใจใหญ่



บุรุษนี้นาม “เล่าปี่” เป็นบุตรเล่าเหง แลเล่าเหงนั้นเป็นเชื้อวงศ์พระเจ้าฮั่นเกงเต้ ซึ่งเป็นกษัตริย์ในวงศ์ของพระเจ้าฮั่นโกโจ เล่าปี่จึงนับเนื่องเป็นเชื้อพระวงศ์ในพระราชวงศ์ฮั่น เมื่อน้อยนั้นเล่าปี่มีชื่อว่า “เหี้ยนเต็ก” มีสติปัญญาและน้ำใจงาม ความโกรธ ความยินดีมิได้ปรากฏออกมาภายนอก มีความเอื้ออารี มีเพื่อนฝูงมาก จิตใจกว้างขวาง เล่าเหงตายเสียตั้งแต่เล่าปี่ยังเล็ก เหลือแต่ภรรยา 

เล่าปี่มีใจกตัญญู เลี้ยงดูมารดามิให้อนาทร แต่เป็นคนเข็ญใจไร้ทรัพย์ ทอเสื่อขายเลี้ยงชีวิต เมื่ออายุได้ 15 ปี ก็ได้สำนักเรียนวิชากับอาจารย์มีชื่อในถิ่นนั้น  ชื่อว่า “เต้เหี้ยน” มีเพื่อนสนิทสองคน คนหนึ่งชื่อ “โลติด” ซึ่งต่อมาพระเจ้าเลนเต้โปรดให้เป็นแม่ทัพปราบโจรโพกผ้าเหลืองดังที่ได้กล่าวแล้วในตอนก่อน ส่วนอีกคนหนึ่งชื่อว่า “กองซุนจ้าน” ต่อมาได้รับราชการเป็นขุนนางและเป็นเจ้าเมืองเล็ก ๆ อีกเมืองหนึ่ง เล่าปี่ในวัยเด็กไม่ค่อยสนใจการศึกษาเล่าเรียน เพราะมัวเอาแต่คบหาเพื่อนฝูง และประพฤติตนเป็นหัวหน้ามาตั้งแต่อายุยังน้อย จะทำการสิ่งใดก็จะได้รับการยกย่องจากเพื่อนฝูงให้เป็นหัวหน้าตลอดมา 

สิ้นเสียงถอนหายใจของเล่าปี่ก็มีเสียงชายคนหนึ่งดังมาจากข้างหลังว่า “เป็นผู้ชายไม่ช่วยทำนุบำรุงแผ่นดินแล้ว สิมาทอดใจใหญ่”


เล่าปี่หันหลังเหลียวไปดู เห็นผู้นั้น “สูงประมาณห้าศอก ศีรษะเหมือนเสือ จักษุกลมใหญ่ คางพองโต เสียงดั่งฟ้าร้อง กิริยาดั่งม้าควบ เห็นผิดประหลาด” จึงถามว่าท่านนี้ชื่อใด ชายนั้นตอบว่าเราชื่อ “เตียวหุย” บ้านอยู่ตุ้นก้วน มีทรัพย์สินเงินทอง ไร่นาเป็นอันมาก มีร้านขายสุกร สุรา และอาหาร “เราพอใจคบเพื่อนฝูงซึ่งมีสติปัญญา” เห็นท่านดูประกาศรับอาสาสมัครแล้วทอดใจใหญ่ จึงทักเพื่อจะได้รู้ความในใจ

เล่าปี่ตอบว่าเราเป็นเชื้อพระวงศ์พระเจ้าฮั่นเกงเต้ เห็นประกาศข่าวโจรโพกผ้าเหลืองมาทำอันตรายแผ่นดินจึงคิดจะอาสาแผ่นดินไปปราบโจร แต่ขัดสนด้วยกำลังทรัพย์น้อย คิดการไม่ตลอด จึงทอดใจใหญ่ เตียวหุยจึงว่าเรื่องเพียงเท่านี้จะร้อนใจไปใย เพราะใจเราเองนั้นก็ต้องการอาสาชาติบ้านเมืองตรงกัน ว่าแล้วก็เชิญเล่าปี่ไปนั่งดื่มสุราด้วยกัน คิดอ่านร่วมกันเพื่อจะเชิญชาวเมืองที่มีฝีมือกล้าหาญมาเข้าร่วมเพื่อไปปราบโจร 

ในขณะที่เล่าปี่ เตียวหุย นั่งดื่มสุราด้วยกันนั้น ก็มีชายอีกคนหนึ่งขับเกวียนมาถึงหน้าร้านสุรา เร่งให้เจ้าของร้านรีบเอาสุรามาเสิร์ฟ บอกว่ากินแล้วจะรีบไปอาสาแผ่นดิน เล่าปี่เห็นชายผู้นี้มีลักษณะดึงดูดใจ “สูงประมาณหกศอก หนวดยาวประมาณศอกเศษ หน้าแดงดังผลพุทราสุก ปากแดงดังชาดแต้ม คิ้วดังตัวไหม จักษุยาวดังนกการเวก”  จึงเชิญชายผู้นั้นร่วมวงดื่มสุราด้วยแล้วถามว่าท่านนี้ชื่อใด

ชายนั้นตอบว่าเราชื่อ “กวนอู” บ้านอยู่เมืองไก่เหลียง ที่หมู่บ้านของเรามีนายทุนท้องถิ่นร้ายกาจข่มเหงคนทั้งปวงจึงฆ่าเสีย แล้วหลบหนีทางการไปเที่ยวอยู่หลายหัวเมือง บัดนี้ได้ข่าวบ้านเมืองรับอาสาสมัครไปปราบโจร จึงหวังมาอาสาแผ่นดิน



ขอขอบคุณ 

บางช่วงบางตอนจาก สามก๊กฉบับคนขายชาติ
http://www.paisalvision.com/2008-10-30-11-41-42/56--5-.html
ภาพจากเกมส์ Romance of the kingdom 12    

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น