
พระเจ้าเลนเต้ทราบความแล้วจึงให้ “โฮจิ๋น” ผู้บัญชาการกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ ซึ่งเป็นพี่เมียและไต่เต้าเข้าสู่ตำแหน่งด้วยอาศัยความร่วมมือและประนีประนอมกับสิบขันที นำทหารไปจับม้าอ้วนยี่ ซึ่งเป็นคนเดินสารติดสินบนฮองสีขันทีมาประหาร
ในขณะเดียวกันก็มีรับสั่งให้จับฮองสีขันที มาพิจารณาโทษพร้อมกันด้วย แต่เนื่องจากการทั้งนี้สิบขันทีย่อมรู้เห็นเป็นใจอยู่ด้วย ดังนั้นจึงคิดอ่านช่วยเหลือพรรคพวกให้ผ่อนหนักเป็นเบาเหตุนี้ในขณะที่ม้าอ้วนยี่ ซึ่งเป็นเพียงคนเดินสารถูกพิจารณาโทษถึงประหาร แต่ ฮองสีขันทีซึ่งเป็นคนขายชาติ และรับสินบนเพื่อการขายชาติกลับถูกลงโทษเพียงจำคุกไว้เท่านั้น
ทางฝ่ายโจรโพกผ้าเหลืองนั้น เตียวก๊กได้ตั้งตนเป็น เจ้าพระยาสวรรค์(ก๋งจงกุ๋น) ตั้งเตียวโป้ผู้น้องเป็น เจ้าพระยาแผ่นดิน (เเตก๋งจงกุ๋น) เเละตั้งน้องคนเล็กเตียวเหลียงเป็น เจ้าพระยามนุษย์(ยินก๋งจงกุ๋น)
เตียวก๊กได้ประกาศเเก่ไพร่พลทั้งหลายว่า “บัดนี้แผ่นดินเลนเต้จะสาบสูญฉิบหายแล้ว ผู้มีบุญจะมาเสวยสมบัติใหม่ คนทั้งปวงจงทำตามคำเทพยดาทำนายเถิด จะได้อยู่เย็นเป็นสุขพร้อมมูลกัน”
เเล้วสั่งไพร่พลให้โพกผ้าสีเหลืองที่ศีรษะเป็นสัญลักษณ์ กำลังพลห้าสิบหมื่น เเละ อาวุธยุทโธปกรณ์พร้อมสรรพ ตั้งตัวเองเป็นแม่ทัพใหญ่ เตียวโป้และเตียวเหลียงผู้น้องเป็นแม่ทัพรองและแม่ทัพหนุนโดยลำดับ แล้วสั่งให้เคลื่อนทัพเข้ายึดหัวเมืองต่าง ๆ เพื่อเตรียมยึดเมืองหลวงต่อไป
ให้เคลื่อนทัพเข้าโจมตีและยึดหัวเมืองทั้งแปด ซึ่งราษฎรนับถืออยู่แต่ก่อนแล้ว จากนั้นจึงเคลื่อนพลเข้าโจมตีหัวเมืองอื่นๆอีกหลายหัวเมือง ตัวเตียวก๊กเองนั้นคุมพลสิบห้าหมื่นเข้าโจมตีแล้วยึดเมืองจงก๋ง ซึ่งเป็นเมืองยุทธศาสตร์สำคัญในการบุกเข้ายึดเมืองหลวงต่อไป ส่วนเตียวโป้และเตียวเหลียงยกไปตีเมืองเองฉวน ภายในเมืองได้ตั้งรับอย่างแข็งขัน เตียวโป้และเตียวเหลียงยึดเมืองไม่ได้ก็ตั้งค่ายรายล้อมเมืองไว้
การเคลื่อนทัพเข้าตีและยึดเมืองต่างๆของขบวนการกู้ชาติที่บัญชาการโดยเตียวก๊กครั้งนี้ เป็นไปโดยรวดเร็ว เนื่องจากหัวเมืองทั้งแปดมีราษฎรนิยมนับถือเตียวก๊กอยู่ก่อนแล้วถึงขนาดเขียนชื่อเตียวก๊กบูชาทุกบ้านเรือน ทั้งมีความเคียดแค้นชิงชังข้าราชการและขุนนาง ที่เอาแต่กดขี่ข่มเหงรังแกรีดนาทาเร้นราษฎร ไม่มีราษฎรคนไหนหลบหนีออกจากเมืองหรือก่อความวุ่นวายขึ้นแต่ประการใด
พระเจ้าเลนเต้จึงโปรดให้มีตราไปทุกหัวเมืองว่า ถ้าผู้ใดมีฝีมือกล้าหาญ ให้ช่วยกันจับโจรโพกผ้าเหลืองแล้วจะปูนบำเหน็จให้เป็นขุนนาง และมีพระบรมราชโองการตั้งให้ “โลติด” เป็นแม่ทัพ ให้ “โลจิ๋น” เป็นที่ปรึกษา ให้ “ฮองฮูสง” เป็นทัพรอง และให้ “จูฮี” เป็นทัพหนุน แยกขบวนทัพออกเข้าตีขบวนการกู้ชาติเป็นสามด้าน
ศึกใหญ่ระหว่างกองทัพจากเมืองหลวงที่บัญชาการโดย “โลติด” แม่ทัพใหญ่ กับกองทัพโจรโพกผ้าเหลือง ที่บัญชาการโดย “เตียวก๊ก” แม่ทัพใหญ่ กลายเป็นสงครามโจรโพกผ้าเหลืองนับแต่บัดนั้น
พระเจ้าเลนเต้จึงโปรดให้มีตราไปทุกหัวเมืองว่า ถ้าผู้ใดมีฝีมือกล้าหาญ ให้ช่วยกันจับโจรโพกผ้าเหลืองแล้วจะปูนบำเหน็จให้เป็นขุนนาง และมีพระบรมราชโองการตั้งให้ “โลติด” เป็นแม่ทัพ ให้ “โลจิ๋น” เป็นที่ปรึกษา ให้ “ฮองฮูสง” เป็นทัพรอง และให้ “จูฮี” เป็นทัพหนุน แยกขบวนทัพออกเข้าตีขบวนการกู้ชาติเป็นสามด้าน
ศึกใหญ่ระหว่างกองทัพจากเมืองหลวงที่บัญชาการโดย “โลติด” แม่ทัพใหญ่ กับกองทัพโจรโพกผ้าเหลือง ที่บัญชาการโดย “เตียวก๊ก” แม่ทัพใหญ่ กลายเป็นสงครามโจรโพกผ้าเหลืองนับแต่บัดนั้น
ขอขอบคุณ
บางช่วงบางตอนจาก สามก๊กฉบับคนขายชาติ
http://www.paisalvision.com/2008-10-30-11-41-42/55--4-.html
ภาพจากเกมส์ Romance of the kingdom 12
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น