ฝ่ายเล่าปี่ซึ่งไปรับตำแหน่งเป็นนายอำเภอเมืองอันฮ่อกวนนั้น ก็ถูกสิบขันทีส่งลูกน้องชื่อต๊กอิ้วไปเรียกเอาส่วยสินบนเช่นเดียวกัน

ต๊กอิ้วไปถึงเมืองอันฮ่อกวนก็วางอำนาจบาตรใหญ่ซักไซร้ประวัติและผลงานของเล่าปี่ เมื่อเล่าปี่บอกว่าเป็นเชื้อพระวงศ์และมีความชอบในการปราบศึกโจรโพกผ้าเหลือง ต๊กอิ้วไม่ยอมเชื่อหาว่าเป็นการแอบอ้าง แล้วแจ้งว่ามีรับสั่งให้มาเรียกส่วยจากขุนนางที่ได้รับแต่งตั้งใหม่ เล่าปี่มิได้ว่าประการใดและลาไปที่อยู่ แล้วเชิญปลัดอำเภอมาปรึกษา ปลัดอำเภอรู้ธรรมเนียมของเมืองตาหลิ่วดี จึงบอกแก่เล่าปี่ว่าต๊กอิ้วมาครั้งนี้ด้วยหวังเอาสินบนเข้าตัว ไม่ใช่ภาษีเก็บเข้าหลวง
เล่าปี่จึงว่า “ตั้งแต่เรามาอยู่เมืองนี้จะได้ค่าธรรมเนียม แลเบียดเบียนด้ายเส้นหนึ่งเข็มเล่มหนึ่ง แก่อาณาประชาราษฎรให้ได้ความเดือดร้อนหามิได้ จะเอาสิ่งใดมาให้สินบน”
คำของเล่าปี่นี้สะท้อนถึงคุณธรรมประจำตัวและวัตรปฏิบัติราชการของเล่าปี่ อันเป็นที่มาของความเคารพรักศรัทธาจากราษฎร หลังจากนี้เกือบสองพันปี เหมาเจ๋อตงผู้ นำพรรคคอมมิวนิสต์จีน จึงได้นำหลักการนี้ไปบัญญัติเป็นข้อหนึ่งในวินัยใหญ่สามข้อของกองทัพปลดแอกประชาชนจีนว่า “ห้ามเอาด้ายสักเส้น เข็มสักเล่มจากราษฎร”
รุ่งขึ้นต๊กอิ้วได้เรียกปลัดอำเภอมาสอบสวน บังคับให้กล่าวหาว่าเล่าปี่ฉ้อราษฎร์บังหลวง ปลัดอำเภอไม่ยอมกล่าวหา ต๊กอิ้วจึงสั่งให้นักการอำเภอเฆี่ยนปลัดอำเภอ บังคับให้ใส่ความเล่าปี่ แต่ปลัดอำเภอก็สู้ทนอาญา ก้มหน้าทนเจ็บทนรับความปวดไม่ยอมกล่าวคำอันเป็นอาสัตย์ พอเล่าปี่จะมาพบต๊กอิ้วก็ไม่ให้เข้าพบ เล่าปี่จึงกลับไปที่พัก ราษฎรได้ทราบความจึงพากันมาที่อำเภอเพื่อจะช่วยเหลือปลัดอำเภอ แต่นายประตูได้ห้ามไว้



ความตอนนี้แสดงออกถึงอัธยาศัยใจคอ ความทรนงในศักดิ์และความปรารถนาทำการใหญ่ของกวนอูอย่างชัดเจน
เล่าปี่ฟังแล้วเห็นชอบด้วย แต่การที่จะฆ่าต๊กอิ้วเป็นการไม่สมควรเพราะเป็นผู้ถือรับสั่ง แม้ว่าจะมีการแอบอ้างอยู่ด้วยก็ตามที เล่าปี่จึงได้เอาตราสำคัญของนายอำเภอมาผูกคอต๊กอิ้ว แล้วว่าจะไว้ชีวิตให้ครั้งหนึ่ง บัดนี้เราไม่ต้องการทำราชการแล้ว ให้ต๊กอิ้วนำตรากลับไป
ภาพจากเกมส์ Romance of the kingdom 12